Wednesday, November 21, 2007

๑๒ ปี ของหน่วยงานที่ทำงานใกล้ชิดประชาชน กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ

“กองทัพเรือ เพื่อประชาชน” กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ มีปณิธานแน่วแน่ในการที่จะทำให้กองทัพเรือ เป็นกองทัพเรือเพื่อประชาชน
๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๐ เป็นวันคล้ายวันสถาปนากรมกิจการพลเรือนทหารเรือ ครบรอบ ๑๒ ปี งานของกรมกิจการพลเรือนทหารเรือ จะเป็นงานใกล้ชิดกับประชาชนที่ทำควบคู่ และสนับสนุนงานยุทธการมีทั้งงานพัฒนาประเทศช่วยเหลือประชาชนเมื่อประสบภัยพิบัติหรือความเดือดร้อนต่างๆ สนับสนุนกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน ประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารให้ความรู้ ความเข้าใจเรื่องผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ปลูกฝังอุดมการณ์ให้ยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข สนับสนุนงานตามโครงการพระราชดำริ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล ตลอดจนพัฒนาองค์บุคคลโดยให้การศึกษาวิชาด้านกิจการพลเรือนและวิชาเกี่ยวข้องที่จำเป็น
งานกิจการพลเรือนจึงเป็นงานที่ไม่หยุดนิ่ง ต้องพัฒนางาน พัฒนาองค์บุคคลให้ก้าวทันสถานการณ์ปัจจุบันอยู่เสมอ เพื่อให้สามารถรับใช้และช่วยเหลือประชาชนได้ทันกับทุกเหตุการณ์
การปฏิบัติงานที่สำคัญในรอบปีงบประมาณ ๒๕๕๐ ที่ผ่านมา ประกอบด้วย การสนับสนุนกำลังพลและพาหนะนำสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคไปมอบให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยจากอิทธิพลของพายุดีเปรสชั่น “ช้างสาร” เมื่อปลายปี พ.ศ.๒๕๔๙ ที่ทำให้เกิดฝนตกหนัก น้ำเอ่อล้นในหลายพื้นที่ มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนจำนวนมากทั้งกรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี และในอีกหลายจังหวัด เช่น พระนครศรีอยุธยา จันทบุรี อุทัยธานี อ่างทอง พิษณุโลก สุพรรณบุรี สิงห์บุรี และชัยนาท กองทัพเรือได้จัดกำลังพล เรือท้องแบน พาหนะ รวมทั้งเครื่องอุปโภค บริโภค ไปให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนตั้งแต่เริ่มเกิดสถานการณ์ รวมทั้งช่วยดูแลฟื้นฟูภายหลังเกิดอุทกภัยอย่างต่อเนื่อง และเป็นที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่กองทัพเรือได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้ร่วมดำเนินการช่วยเหลือประชาชนร่วมกับมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ สถานีโทรทัศน์ไอทีวี บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) และบริษัทผู้ผลิตรายการ สถานีสนามเป้า ทำให้การช่วยเหลือประชาชนเป็นไปอย่างรวดเร็วและทั่วถึง และยังได้ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา และในอีกหลายพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยในรอบปีที่ผ่านมา

สำหรับภัยหนาวก็ได้ร่วมกับสถานีโทรทัศน์ไอทีวีในโครงการไอทีวีร่วมมือร่วมใจต้านภัยหนาวในจังหวัดมุกดาหารและสกลนคร การช่วยเหลือภัยแล้ง ได้จัดทั้งรถบรรทุกน้ำ รวมทั้งเรือสนับสนุนน้ำจืดในพื้นที่ที่เป็นเกาะที่ขาดแคลนน้ำด้วย การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอัคคีภัย ได้เข้าไปร่วมช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยในพื้นที่ชุมชนคลองเตย และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี นอกจากนั้นยังได้ให้ความช่วยเหลือชาวประมง เรือสินค้า นักท่องเที่ยวที่ประสบภัยทางน้ำ
ส่วนการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ กองทัพเรือ ได้น้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” รวมทั้งพระราชดำรัสของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ต้องการให้เกิดความสงบสุขในประเทศมาปฏิบัติอย่างจริงจัง เป็นรูปธรรม โดยเพิ่มงานด้านกิจการพลเรือนในพื้นที่ภาคใต้ให้มากขึ้น ภายใต้โครงการรวมใจไทยเป็นหนึ่ง ที่เน้นการเข้าไปช่วยเหลือ พัฒนาชีวิต ความเป็นอยู่ของประชาชน มีการดำเนินการเข้าไปช่วยซ่อมแซมมัสยิด โรงเรียนและสถานที่สาธารณะประโยชน์ต่างๆ ร่วมกับประชาชนในพื้นที่ตลอดไป มีการนำเยาวชนในพื้นที่เป้าหมายในจังหวัดนราธิวาส มาเปิดโลกทัศน์ อาทิเช่น การทัศนศึกษาดูกิจการของหน่วยต่างๆ ของกองทัพเรือ งานโครงการพระราชดำริ รวมถึงจัดกิจกรรมนันทนาการให้เยาวชนเหล่านี้มีทัศนคติที่ดี มีความเข้าใจที่ถูกต้อง และพร้อมที่จะร่วมมือแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธีต่อไป รวมทั้งกองทัพเรือยังได้มีส่วนช่วยสนับสนุนการจำหน่ายลองกองของเกษตรกรภาคใต้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนที่ไม่สามารถขายผลผลิตได้ด้วย


สำหรับงานอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพแวดล้อม ได้มีโครงการอุทยานใต้ทะเลอ่าวไทยตอนบน ตอนล่าง และทางฝั่งอันดามัน การวางทุ่นผูกเรือ เพื่อฟื้นฟูปะการัง และพืชใต้น้ำโครงการอุทยานใต้ทะเลจุฬาภรณ์ ๓๖ และ ๓๙ และโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ ซึ่งในเดือนตุลาคม ๒๕๕๐ นี้ กองทัพเรือ ร่วมกับโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์การบริการส่วนจังหวัดชลบุรี และหน่วยงานที่ร่วมสนองพระราชดำริ จัดการประชุมวิชาการและนิทรรศการทรัพยากรไทยประโยชน์แท้แก่มหาชน ระหว่างวันที่ ๓๐ ตุลาคม – ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ ณ บริเวณพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย เขาหมาจอ ตำบลแสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา และเพื่อเป็นการสนองพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรของประเทศ และ เป็นการปลูกฝังให้เยาวชนและประชาชนทั่วไป ได้เรียนรู้เห็นคุณค่าของทรัพยากรไทย และร่วมกันอนุรักษ์รักษาไว้ให้ยั่งยืนสืบไป
งานกิจการพลเรือน เป็นงานที่สัมพันธ์ใกล้ชิดประชาชน และต้องรวดเร็ว ทันเหตุการณ์ สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งผลสำเร็จของงานที่ผ่านมาเป็นไปได้ด้วยดี จากการสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชนโดยเฉพาะการเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย กรมกิจการพลเรือนทหารเรือจะได้รับสิ่งของบริจาคทั้งเครื่องอุปโภค บริโภค และสิ่งของที่จำเป็นต่างๆ มอบให้กองทัพเรือเป็นสื่อกลางนำไปบรรเทาทุกข์แก่ผู้ประสบภัยเป็นประจำ ทำให้ทราบถึงความมีน้ำใจของพี่น้องประชาชนคนไทยที่ไม่เคยทอดทิ้งกัน ซึ่งกองทัพเรือก็ได้ตระหนักและเห็นความสำคัญในการช่วยเหลือประชาชนเป็นอย่างยิ่ง โดยได้จัดให้มีศูนย์บรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่ต่างๆ ประกอบด้วย กองเรือภาคที่ ๑ กองเรือยุทธการ ทัพเรือภาคที่ ๒ ทัพเรือภาคที่ ๓ ฐานทัพเรือกรุงเทพ กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง และหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ เป็นหน่วยดำเนินการให้ความช่วยเหลือประชาชน รวมทั้งตั้งศูนย์แจ้งเตือนภัย รับแจ้งเหตุการณ์เมื่อได้รับการร้องขอ และได้เตรียมการไว้พร้อมแล้วที่จะให้การช่วยเหลือประชาชนในปีงบประมาณ ๒๕๕๑
นับได้ว่างานของกรมกิจการพลเรือนทหารเรือ เป็นงานที่มีความสำคัญในการสนับสนุนให้การปฏิบัติตนทางด้านยุทธการต่างๆ ของกองทัพเรือ บรรลุความสำเร็จ เปรียบได้กับการปิดทองหลังพระ ตามพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ว่า “การปิดทองหลังพระนั้น เมื่อถึงคราวจำเป็นก็ต้องปิด ว่าที่จริงแล้วคนโดยมากไม่ค่อยชอบปิดทองหลังพระกันนัก เพราะนึกว่าไม่มีใครเห็นแต่ถ้าทุกคนพากันปิดทองแต่ข้างหน้าไม่มีใครปิดทองหลักพระเลย พระจะเป็นพระที่งามบริบูรณ์ไม่ได้ ดังนั้นหากมีผู้ใดที่ต้องการติดต่อประสานงานกับกรมกิจการพลเรือนทหารเรือ สามารถติดต่อได้ที่แผนกประชาสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๔๔๘๑ และเว็บไซต์ www.navy.mi.th/civil
-----------------------------------
ผลิตโดย กองปกิบัติการจิตวิทยา กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ
ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ประจำวันพฤหัสบดีที่ ๒๕ ต.ค.๕๐ คอลัมน์โลกเกษตร

No comments: