Wednesday, December 19, 2007

ผลสำเร็จของโครงการเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคล

ปี พ.ศ.๒๕๕๐ เป็นปีที่ปวงชนชาวไทยถือเป็นปีมหามงคลยิ่ง เนื่องจากเป็นปีที่พระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน รวมทั้งกองทัพเรือ
ต่างรวมใจเป็นหนึ่ง ร่วมกันจัดโครงการและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ อย่างพร้อมเพรียงกัน
โครงการเฉลิมพระเกียรติ ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ของกองทัพเรือ ประกอบด้วย ๘ โครงการและ ๑ กิจกรรม ล้วนประสบผลสำเร็จด้วยดี ซึ่งโครงการและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ ประกอบด้วย
โครงการจัดสร้างเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งเฉลิมพระเกียรติ

เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ว่า “เรือรบขนาดใหญ่มีราคาแพง และมีค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานสูง กองทัพเรือจึงควรใช้เรือที่มีขนาดเหมาะสมและสร้างได้เอง ซึ่งเมื่อสร้างเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งชุดเรือ ต.๙๑ ได้แล้ว ควรขยายแบบเรือให้ใหญ่ขึ้นและสร้างเพิ่มเติม” ประกอบกับแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์ท่าน กองทัพเรือได้สนองพระราชดำริด้วยการต่อเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งชุดเรือ ต.๙๙๑ ประกอบด้วย หรือ ต.๙๙๑ สร้างโดยกรมอู่ทหารเรือ เรือ ต.๙๙๒ และเรือ ต.๙๙๓ กองทัพเรือได้ว่าจ้างให้บริษัท มาร์ซัน จำกัด ซึ่งเป็นอู่ต่อเรือเอกชนในประเทศไทยเป็นผู้ดำเนินการสร้าง และกองทัพเรือได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยในเรื่องขนาดรูปทรงของเรือและน้ำหนัก รวมทั้งการใช้เชื้อเพลิงและการออกแบบเพื่อให้เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งลำใหม่ชุดนี้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานและมีสมรรถนะสูงสุด เรือชุดนี้จึงเป็นเรือรบแห่งพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างแท้จริง
ซึ่งขีดความสามารถสมรรถนะของเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งชุดเรือ ต.๙๙๑ นั้น สามารถปฏิบัติภารกิจได้ครอบคลุมพื้นที่ปฏิบัติการทั้งในทะเลอ่าวไทยและฝั่งทะเลอันดามัน มีศักยภาพในการตรวจจับ ติดตาม พิสูจน์ทราบเป้าผิวน้ำ และเป้าอากาศยาน ได้ด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และกล้องตรวจการณ์แบบ TV และแบบ Thermal Image ตลอดจนมีระบบอาวุธที่มีความสามารถในการหยุดยั้ง ป้องปราม ทำลายเรือผิวน้ำขนาดเล็กได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นเรือตรวจสอบเรือต้องสงสัย ค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัย คุ้มครองเรือประมง รวมทั้งป้องกันทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลได้อีกด้วย อาจกล่าวได้ว่าเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ชุดเรือ ต.๙๙๑ นี้ ได้ยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาประยุกต์ใช้อย่างได้ผลดียิ่ง ทำให้เรือมีคุณค่า สมรรถนะสูงมีความคุ้มค่า ยิ่งกว่า คุ้มทุน โดยกองทัพเรือได้รับมอบเรือชุดนี้เมื่อวันที่
๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ และจะนำขึ้นน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในนามพสกนิกรชาวไทยในปลายปี พ.ศ.๒๕๕๐ ต่อไป และในวันที่ ๕ ธ.ค.๕๐ จะจอดเรือประดับไฟที่สะพานพระราม โครงการวิถีชีวิตข้าราชการกองทัพเรือตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเฉลิมพระเกียรติ

เป็นอีกโครงการหนึ่งที่กองทัพเรือน้อมนำแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว มาเป็นแนวทางปฏิบัติ เน้นการดำเนินชีวิตบนทางสายกลางบนพื้นฐานของความมั่นคงและยั่งยืน ด้วยการดำรงชีวิตอย่างพอประมาณ มีเหตุผล มีระบบคุ้มกันที่ดี อาศัยความรู้และคุณธรรมเป็นพื้นฐานการดำเนินชีวิต มุ่งส่งเสริมให้กำลังพลของกองทัพเรือ สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองและครอบครัวให้ดีขึ้น
หารายได้เสริมนอกเวลาราชการ สร้างมาตรฐานการควบคุมมิให้กำลังพลของกองทัพเรือและครองครัวก่อหนี้สินเพิ่มเติม
การดำเนินการมีทั้งการตั้งศูนย์การเรียนรู้ทฤษฎีใหม่ ศูนย์การเรียนรู้เกษตรกรรม ศูนย์การเรียนรู้ศิลปะประดิษฐ์กลุ่มแม่บ้าน ศูนย์การเรียนรู้โครงการเกษตรผสมผสานตามหน่วยต่าง ๆ ของกองทัพเรือ
การอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการและการแจกจ่ายสมุดบัญชีครัวเรือน จำนวน ๑๔,๐๐๐ เล่ม ทำให้กำลังพลและครอบครัวสามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุขด้วยการพึ่งพาตนเอง ศูนย์การเรียนรู้ตามหน่วยต่าง ๆ ประกอบด้วย ศูนย์ฝึกทหารใหม่ กองเรือยุทธการ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ฐานทัพเรือสัตหีบ และหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง มีความก้าวหน้าในการดำเนินการร้อยละ ๗๕ ดังเช่นศูนย์การเรียนรู้ทฤษฎีใหม่ ของศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ได้ทำการปลูกข้าวและมีกิจกรรมเกี่ยวข้าวในแปลงนาไปแล้วเมื่อวันที่ ๑๙ มิ.ย.๕๐ ศูนย์การเรียนรู้โครงการเกษตรผสมผสานของฐานทัพเรือสัตหีบที่ทำพืชผักสวนครัว เลี้ยงปลา อนุรักษ์และขยายพันธุ์พืชอย่างได้ผลดี
โครงการลด ละ เลิกสูบบุหรี่กองทัพเรือเฉลิมพระเกียรติ

โครงการที่ดำเนินการภายใต้คำขวัญ “เลิกบุหรี่หนึ่งในความดี ถวายในหลวง” จัดทำขึ้นเพื่อเป็นการรณรงค์ ส่งเสริมพฤติกรรมกำลังพลให้ ลด ละ เลิกบุหรี่ ได้มากกว่า ๒,๕๕๐ นาย รวมทั้งให้หน่วยในกองทัพเรือปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองสุขภาพผู้ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ.๒๕๓๕ โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
การดำเนินการมีทั้งการอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ การจัดกิจกรรมเพื่อผู้ที่ต้องการเลิกสูบบุหรี่ การจัดสภาพแวดล้อมเพื่อส่งเสริมการไม่สูบบุหรี่ สร้างบรรยากาศที่ดีในสถานที่ทำงานหรือสถานที่ปฏิบัติงานต่าง ๆ ทั้งในที่ตั้งปกติและในเรือ จัดตั้งศูนย์ประสานงานโครงการ จัดตั้งคลินิกเลิกสูบบุหรี่ในโรงพยาบาล ด้วยความมุ่งมั่นในการทำความดีถวายในหลวง ทำให้มีผู้ที่สามารถลด ละ เลิก สูบบุหรี่ได้รวมจำนวนทั้งสิ้นถึง ๖,๘๘๑ นาย (ผู้ลดการสูบบุหรี่ ๕,๐๓๘ นาย, ผู้ละการสูบบุหรี่ ๑,๐๐๕ นาย และผู้เลิกสูบบุหรี่ ๘๓๘ นาย) ซึ่งผู้ที่เลิกสูบบุหรี่และหน่วยปลอดบุหรี่ ตัวอย่าง จำนวน ๑๒ หน่วย จะได้รับโล่และประกาศนียบัตรจาก พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ในพิธีปิดโครงการในวันที่ ๒๙ พ.ย.๕๐ ณ ฐท.กท. สำหรับการรณรงค์ลด ละ เลิกสูบบุหรี่ จะยังคงดำเนินการต่อโดยกรมแพทย์ทหารเรือ และกรมจเรทหารเรือจะรับผิดชอบดำเนินการต่อไป
โครงการสะพานชมภูมิประเทศป้อมพระจุลจอมเกล้า เฉลิมพระเกียรติ


ป้อมพระจุลจอมเกล้า อดีตปราการด่านพิทักษ์ทางทะเล ในพื้นที่อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ เป็นป้อมที่สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ มีพระราชประสงค์ให้เป็นที่มั่นในการป้องกันและตั้งรับข้าศึก โดยป้อมพระจุลจอมเกล้าได้มีโอกาสรับใช้ชาติและสามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างเต็มที่และสมเกียรติในการยุทธ์ที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยาหรือวิกฤตการณ์ ร.ศ.๑๑๒ ในป้อมมีสถานที่สำคัญ ประกอบด้วยพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์ในชุดจอมทัพเรือ ใต้ฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ เป็นพิพิธภัณฑ์แสดงประวัติความเป็นมาของป้อมพระจุลจอมเกล้า พิพิธภัณฑ์เรือหลวงแม่กลอง อุทยานประวัติศาสตร์ทหารเรือ และนอกจากนั้น ป้อมพระจุลจอมเกล้ายังมีป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ มีทั้งพันธุ์ไม้ป่าชายเลน อาทิ ลำพู แสม โพธิ์ทะเล โกงกาง ตะบูน เป็นแหล่งอาศัยสัตว์น้ำนานาชนิด เช่น ปลาตีน ปูแสม และนกน้ำนานาชนิด กองทัพเรือโดยฐานทัพเรือกรุงเทพจึงจัดทำโครงการสะพานชมภูมิประเทศขึ้น เพื่อให้ป้อมพระจุลจอมเกล้าเป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ สะพานมีลักษณะเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กยาวประมาณ ๑๑๐ เมตร กว้าง ๒.๕๐ เมตร ยื่นลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา สามารถรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาทางเรือได้อย่างสะดวกสบาย ขณะนี้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว และจะประกอบพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๐ นี้
โครงการก่อสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ


กองทัพเรือโดยกรมแพทย์ทหารเรือ จะทำการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยในทดแทนอาคารผู้ป่วยในเดิมของโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า ที่เสื่อมสภาพเพราะอายุใช้งานกว่า ๕๐ ปี เป็นอาคารสูง ๙ ชั้น เพื่อใช้เป็นอาคารผู้ป่วยใน ห้องผ่าตัดและห้องคลอด มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาคุณภาพงานบริการด้านสาธารณสุข ให้บริการแบบรวมศูนย์ ในลักษณะ One Stop Service มีอาคารด้านบริการรักษาพยาบาลที่มั่นคง ปลอดภัยและสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ รวมทั้งเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้โรงพยาบาลและชุมชนโดยรวม ขณะนี้ได้ดำเนินการทุบทำลายอาคารศัลยกรรมชาย/หญิง และตึกศัลยกรรม ๒ จำนวน ๒ หลังแล้ว และอยู่ในขั้นตอนของการขออนุมัติแบบ ตำบลที่และประมาณการงานก่อสร้าง โดยกำหนดวางศิลาฤกษ์ในเดือนธันวาคม ๒๕๕๐
โครงการหอประวัติอุทกศาสตร์ไทยเฉลิมพระเกียรติ

กองทัพเรือโดยกรมอุทกศาสตร์ จัดสร้างหอประวัติอุทกศาสตร์ไทยขึ้นบริเวณชั้น ๓ ของอาคารกองบังคับการกรมอุทกศาสตร์บางนา เพื่อเป็นศูนย์รวมองค์ความรู้และแหล่งข้อมูลด้านอุทกศาสตร์ วิศวกรรมชายฝั่ง เวลามาตรฐานของประเทศไทยตามมาตรฐานสากล ความปลอดภัยในการเดินเรือ และงานด้านสมุทรศาสตร์ รวมทั้งแสดงวิวัฒนาการของกรมอุทกศาสตร์จากอดีต - ปัจจุบัน การอนุรักษ์สิ่งของที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ได้แก่ แผนที่เดินเรือ เครื่องมือเครื่องใช้ภาพถ่ายเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ รวมทั้งการถวายรายงานให้แก่พระราชวงศ์ในกิจการงานเกี่ยวกับอุทกศาสตร์ ตลอดจนงานในโครงการพระราชดำริที่ทรงคุณประโยชน์ต่อพสกนิกรและประเทศชาติ โดยโครงการดังกล่าวทำพิธีเปิดไปแล้ว เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๐ และเปิดให้ประชาชนและนักเรียนเข้าเยี่ยมชมศึกษาหาความรู้ได้ในเวลาราชการ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สามารถติดต่อเข้าเยี่ยมชมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ ๐๒ ๓๖๑ ๒๙๑๕
โครงการจัดหาเครื่องฝึกจำลองยุทธ์ NWS 980 เฉลิมพระเกียรติ

กองทัพเรือโดยสถาบันวิชาการทหารเรือชั้นสูงได้ทำการวิจัยและพัฒนาระบบจำลองยุทธ์ด้วยการยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงในการพึ่งพาตนเอง โดยไม่ต้องจัดหาจากต่างประเทศ ทำให้สามารถประหยัดงบประมาณไปได้ถึงกว่า ๒๐๐ ล้านบาท ซึ่งเครื่องฝึกจำลองยุทธ์นี้ได้มีการพัฒนาให้ทันสมัยมีคุณลักษณะและขีดความสามารถตรงตามความต้องการใช้งานสนับสนุนการฝึกยุทธกีฬาของหลักสูตรต่าง ๆ สามารถตอบสนองต่อความต้องการของกองทัพเรือได้อย่างมีประสิทธิภาพ สถาบันวิชาการทหารเรือชั้นสูง จึงได้นำมาปรับใช้กับหลักสูตรกองทัพเรือไทย และได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Naval Wargame Simulator 980 หรือ NWS 980 โดย เลข 9 หมายถึงรัชกาลที่ 9 ส่วนเลข 80 หมายถึงเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา นับเป็นอีก ๑ โครงการที่กองทัพเรือยึดแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้และประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี และสถาบันวิชาการทหารเรือชั้นสูงได้รับโล่จากท่านผู้บัญชาการทหารเรือในฐานะหน่วยเจ้าของผลงานสิ่งประดิษฐ์ที่เป็นประโยชน์ แก่กองทัพเรือ สมควรได้รับการยกย่องและประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน ซึ่งคณะทำงานวิจัยและพัฒนาประกอบด้วย
น.อ.สุรภักดิ์ ธาราจันทร์ ผอ.กจล.ศยร.สรส./หน.คณะทำงาน
น.อ.สาคร ปั่นเมืองปัก รอง ผอ.กจล.ศยร.สรส./คณะทำงานและเลขานุการ
น.ท.สุรเชษฎ์ บัวสุวรรณชัย นคน.แผนกกรรมวิธีข้อมูล กจล.ศยร.สรส./คณะทำงาน
น.ต.สิทธิ์ สุวรรณภักดี นซบ.แผนกซ่อมบำรุง กจล.ศยร.สรส./คณะทำงาน
น.ต.ธานินทร์ เอกเชิดชูศาสน์ นวร.แผนกกรรมวิธีข้อมูล กจล.ศยร.สรส./คณะทำงาน
น.ต.สัมฤทธิ์ โพธิ์เขียว นซบ.แผนกซ่อมบำรุง กจล.ศยร.สรส./คณะทำงาน
น.ต.ธวัชชัย เพิ่มลาภ นวร.แผนกกรรมวิธีข้อมูล กจล.ศยร.สรส./คณะทำงาน
ร.อ.คมกฤษ กาญจนานุวัฒน์ นซบ.แผนกซ่อมบำรุง กจล.ศยร.สรส./คณะทำงาน
ร.อ.ธีระพงษ์ สนธยามาลย์ นคน.แผนกกรรมวิธีข้อมูล กจล.ศยร.สรส./คณะทำงาน
ร.อ.หญิง สุภารัตน์ แก้วนุ้ย นคน.แผนกกรรมวิธีข้อมูล กจล.ศยร.สรส./คณะทำงาน
ร.ต.ไพบูลย์ นาสมจิตร นวร.แผนกกรรมวิธีข้อมูล กจล.ศยร.สรส./คณะทำงาน

ปัจจุบัน โครงการนี้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ผู้บัญชาการทหารเรือได้มาตรวจเยี่ยมโครงการฯ เมื่อวันที่
๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๐ และกำหนดจะเปิดอย่างเป็นทางการภายในเดือนธันวาคม ๒๕๕๐
โครงการเรือพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ

กองทัพเรือได้ว่าจ้างบริษัทเอกชนในการต่อเรือและจัดหาอุปกรณ์ต่าง ๆ ในการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ ในพื้นที่แม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งเป็นแม่น้ำหลักของกรุงเทพฯ ระหว่างสะพาน
กรุงธนบุรี - สะพานพระราม ๙ ซึ่งเรือพยาบาลนี้จะมีความคล่องตัว มีอุปกรณ์ช่วยชีวิตครบครัน สามารถเข้าถึงผู้ป่วยเพื่อช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สามารถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยทางน้ำไปส่งโรงพยาบาลได้เร็วที่สุด โดยหลังจากรับมอบเรือพยาบาลเฉลิมพระเกียรติแล้ว กองเรือลำน้ำ
กองเรือยุทธการ จะเป็นหน่วยดูแลรักษาและจัดเจ้าหน้าที่ประจำเรือในการออกปฏิบัติภารกิจ โดยโรงพยาบาลทหารเรือกรุงเทพฯ จะจัดเจ้าหน้าที่พยาบาลประจำในเรือทำหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ผู้ประสบภัยทางน้ำ และจะนำเรือลาดตระเวนทางน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสัปดาห์ละ ๒ ครั้ง (ทุกวันจันทร์และวันศุกร์ของทุกสัปดาห์) ครั้งละ ๒ ชั่วโมง โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ ๑ ก.ย.๕๑ – ๓๑ ม.ค.๕๒ เป็นระยะเวลา ๕ เดือน ส่วนในช่วงนอกเวลาราชการและนอกเวลาของการลาดตระเวน เรือจะจอดรอรับสถานการณ์ที่หมวดเรือที่ ๓ กองเรือลำน้ำ เรือรอรับการประสานงานเตรียมออกเรือได้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ขณะนี้กำลังดำเนินการเสนอกองทัพเรือโอนงบประมาณให้กรมอู่ทหารเรือจัดหาเรือซึ่งจะสามารถหาผู้รับจ้างและลงนามในสัญญาจ้างได้ภายใน ธ.ค.๕๐
กิจกรรมกาชาดคอนเสิร์ตเฉลิมพระเกียรติ


กองทัพเรือได้ร่วมกับสภากาชาดไทยจัดการแสดงกาชาดคอนเสิร์ตเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ปี
พ.ศ.๒๕๐๔ เป็นต้นมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหารายได้โดยเสด็จพระราชกุศลบำรุงสภากาชาดไทย รวมทั้ง
ยังเป็นการเผยแพร่ดนตรีแนวเพลงคลาสสิกให้เป็นที่แพร่หลายแก่บุคคลทั่วไป สำหรับปีมหามงคลนี้กองทัพเรือได้นำเพลงพระราชนิพนธ์บรรเลงและขับร้อง เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและเผยแพร่
พระอัจฉริยภาพด้านดนตรี ในปีนี้ได้จัดการแสดง ๒ วัน ในวันที่ ๑๙ และ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๐ โดยในวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์เป็นองค์ประธาน
และทอดพระเนตรการแสดง
นอกจากนั้น กองทัพเรือยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดขบวน
พยุหยาตราทางชลมารคในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวราม
เมื่อวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ นับเป็นการสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมวันทรงคุณค่า เปี่ยมไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ตามราชประเพณีทุกประการ
จะเห็นได้ว่าทุกโครงการและกิจกรรมที่กองทัพเรือ จัดทำขึ้นในโอกาสมหามงคล ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ นั้น กองทัพเรือล้วนน้อมนำแนวพระราชดำริและพระอัจฉริยภาพด้านต่าง ๆ ของพระองค์ท่าน มาเป็นหลักในการปฏิบัติเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระองค์ท่าน และยังเป็นการเสริมสร้างให้กองทัพเรือสามารถทำงานรับใช้ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สมกับคำขวัญที่ว่า “กองทัพเรือ เพื่อราษฎร์ และราชนาวี”
---------------------------------
กำลังเสนอให้วาสารนาวิกศาสรต์ลงพี่ติมพ์

Monday, November 26, 2007

กองทัพเรือร่วมให้โอกาสเด็กและเยาวชนในโครงการ “สร้างพ่อครัว สร้างอาชีพ”



เด็กและเยาวชน เปรียบเสมือนผ้าขาวที่พวกเราทุกคนในครอบครัวในสังคมต้อง คอยดูแล ประคับประคอง ช่วยให้พวกเขาก้าวเดินไปในทิศทางที่ถูกต้องและหากพวกเขา ก้าวเดินผิดพลาด หรือล้มลง ก็เป็นหน้าที่ของครอบครัวและสังคม ที่ต้องพร้อมจะให้อภัย และ ชี้แนวทางเดินในทิศทางที่ถูกต้องให้แก่พวกเขา และที่สำคัญต้องให้ “โอกาส” ในการกลับคืนสู่สังคมอย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี เพราะเด็กและเยาวชนเหล่านั้น คือ อนาคตของประเทศไทย
ด้วยตระหนักถึงความสำคัญของการให้โอกาสแก่เด็กและเยาวชนที่ได้กระทำผิดพลาด เพื่อกลับตัว กลับใจ เป็นพลเมืองดีของสังคมและประเทศชาติ กองทัพเรือ จึงได้ให้การสนับสนุนโครงการ “สร้างพ่อครัว สร้างอาชีพ” ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงยุติธรรม และบริษัท ยูนิลิเวอร์ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๗ กันยายน – ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๐ โครงการสร้างพ่อครัว สร้างอาชีพ มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้เด็กและเยาวชนจากสถานพินิจ มาฝึกทักษะอาชีพพ่อครัวกับกองทัพเรือ เพื่อเตรียมความพร้อมในการนำความรู้ที่ได้รับไปประกอบอาชีพหลังจากได้ออกจากสถานพินิจแล้ว และสามารถกลับเข้าสู่สังคม และใช้ชีวิตอย่างปกติสุขต่อไป โดยกองทัพเรือ ได้มอบหมายให้กรมพลาธิการทหารเรือ ซึ่งมีโรงเรียนพลาธิการทหารเรือ เป็นแหล่งผลิตบุคคลากรวิชาชีพ สายพลาธิการของกองทัพเรือ ทำหน้าที่ในการฝึก อบรมหลักสูตร พัสดุ บริการและสหโภชน์ให้แก่ข้าราชการ นักเรียนจ่า และทหารกองประจำการเหล่าพลาธิการ รับหน้าที่ฝึกอบรมให้แก่เด็กและเยาวชน จำนวน ๑๐ คน ที่ได้รับการคัดเลือกจากสถานพินิจ และทำการฝึกอบรมในวันจันทร์และวันพุธในช่วงระหว่างวันที่ ๗ กันยายน – ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๐ โดยในวันแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ พลเรือเอก สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้ให้ความสำคัญและไปแถลงข่าวร่วมกับนายจรัญ ภักดีธนากูล ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายไพศาล วิเชียรเกื้อ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และนายลออิคทาร์ดี้ ประธานกรรมการบริษัท ยูนิลิเวอร์ไทย เทรดดิ้ง จำกัด เมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๐ ณ ห้องประชุม ชั้น ๒๘ กระทรวงยุติธรรมด้วย

ณ สถานที่ฝึก โรงเรียนพลาธิการทหารเรือ กรมพลาธิการทหารเรือ ได้จัดวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญและความชำนาญในด้านสหโภชน์ดูแล ฝึกอบรม เด็กและเยาวชน อย่างใกล้ชิด รายการอาหารที่ฝึกหัดนั้น เป็นรายการอาหารยอดนิยมที่ทำได้ไม่ยากนัก อาทิ แกงเขียวหวานหมู แกงป่าไก่ แกงเทโพ ไก่ตุ๋นฟักมะนาวดอง แกงจืดปลาหมึกสอดไส้ ต้มส้มปลาทู ต้มยำกุ้ง หมูทอดกระเทียม น้ำพริกกะปิ-ปลาทู ก๋วยเตี๋ยวผัดซีอิ้ว ผัดไทยกุ้งสด ข้าวหมูแดง ข้าวมันไก่ ลาบหมู่ ลาบไก่ รวมทั้งมีการฝึกหัดทำขนมด้วย อาทิ วุ้นกะทิ เต้าส่วน ขนมถั่วแปบ บัวลอยสี่สี
เด็กและเยาวชนที่เข้ารับการอบรมกับกองทัพเรือ ทั้ง ๑๐ คน ล้วนมีความมุ่งมั่น ตั้งอกตั้งใจในการเรียนรู้ มีความกระตือรือร้น ในการฝึกหัดเป็นอย่างมาก แม้การฝึกอบรมจะเป็นระยะเวลาไม่นานนัก แต่ด้วยความทุ่มเทของวิทยากรที่ถ่ายทอดความรู้และความตั้งใจอย่างเต็มที่ของเด็กและเยาวชนที่ร่วมฝึกอบรม ทำให้เชื่อมั่นได้ว่าเด็กและเยาวชนเหล่านี้ เมื่อได้ออกจากสถานพินิจไปแล้ว จะสามารถนำความรู้ที่ได้รับนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวัน สร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างอนาคตที่ดีให้แก่ตนเองได้อย่างแน่นอน
นับเป็นอีกโครงการหนึ่งที่กองทัพเรือ ได้มีส่วนร่วมสร้างโอกาสให้เด็กและเยาวชนที่หลงผิดได้กลับมาก้าวเดินในทิศทางที่ถูกต้อง เป็นอนาคตที่ดีเป็นพลังสำคัญของประเทศชาติต่อไป
--------------------------------------------
ผลิตโดย กองปฏิบัติการจิตวิทยา กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ
ตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์แนวหน้า ประจำวันอังคารที่ ๖ พ.ย.๕๐ สกู๊ปพิเศษ

Wednesday, November 21, 2007

๑๒ ปี ของหน่วยงานที่ทำงานใกล้ชิดประชาชน กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ

“กองทัพเรือ เพื่อประชาชน” กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ มีปณิธานแน่วแน่ในการที่จะทำให้กองทัพเรือ เป็นกองทัพเรือเพื่อประชาชน
๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๐ เป็นวันคล้ายวันสถาปนากรมกิจการพลเรือนทหารเรือ ครบรอบ ๑๒ ปี งานของกรมกิจการพลเรือนทหารเรือ จะเป็นงานใกล้ชิดกับประชาชนที่ทำควบคู่ และสนับสนุนงานยุทธการมีทั้งงานพัฒนาประเทศช่วยเหลือประชาชนเมื่อประสบภัยพิบัติหรือความเดือดร้อนต่างๆ สนับสนุนกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน ประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารให้ความรู้ ความเข้าใจเรื่องผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ปลูกฝังอุดมการณ์ให้ยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข สนับสนุนงานตามโครงการพระราชดำริ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล ตลอดจนพัฒนาองค์บุคคลโดยให้การศึกษาวิชาด้านกิจการพลเรือนและวิชาเกี่ยวข้องที่จำเป็น
งานกิจการพลเรือนจึงเป็นงานที่ไม่หยุดนิ่ง ต้องพัฒนางาน พัฒนาองค์บุคคลให้ก้าวทันสถานการณ์ปัจจุบันอยู่เสมอ เพื่อให้สามารถรับใช้และช่วยเหลือประชาชนได้ทันกับทุกเหตุการณ์
การปฏิบัติงานที่สำคัญในรอบปีงบประมาณ ๒๕๕๐ ที่ผ่านมา ประกอบด้วย การสนับสนุนกำลังพลและพาหนะนำสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคไปมอบให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยจากอิทธิพลของพายุดีเปรสชั่น “ช้างสาร” เมื่อปลายปี พ.ศ.๒๕๔๙ ที่ทำให้เกิดฝนตกหนัก น้ำเอ่อล้นในหลายพื้นที่ มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนจำนวนมากทั้งกรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี และในอีกหลายจังหวัด เช่น พระนครศรีอยุธยา จันทบุรี อุทัยธานี อ่างทอง พิษณุโลก สุพรรณบุรี สิงห์บุรี และชัยนาท กองทัพเรือได้จัดกำลังพล เรือท้องแบน พาหนะ รวมทั้งเครื่องอุปโภค บริโภค ไปให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนตั้งแต่เริ่มเกิดสถานการณ์ รวมทั้งช่วยดูแลฟื้นฟูภายหลังเกิดอุทกภัยอย่างต่อเนื่อง และเป็นที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่กองทัพเรือได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้ร่วมดำเนินการช่วยเหลือประชาชนร่วมกับมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ สถานีโทรทัศน์ไอทีวี บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) และบริษัทผู้ผลิตรายการ สถานีสนามเป้า ทำให้การช่วยเหลือประชาชนเป็นไปอย่างรวดเร็วและทั่วถึง และยังได้ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา และในอีกหลายพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยในรอบปีที่ผ่านมา

สำหรับภัยหนาวก็ได้ร่วมกับสถานีโทรทัศน์ไอทีวีในโครงการไอทีวีร่วมมือร่วมใจต้านภัยหนาวในจังหวัดมุกดาหารและสกลนคร การช่วยเหลือภัยแล้ง ได้จัดทั้งรถบรรทุกน้ำ รวมทั้งเรือสนับสนุนน้ำจืดในพื้นที่ที่เป็นเกาะที่ขาดแคลนน้ำด้วย การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอัคคีภัย ได้เข้าไปร่วมช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยในพื้นที่ชุมชนคลองเตย และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี นอกจากนั้นยังได้ให้ความช่วยเหลือชาวประมง เรือสินค้า นักท่องเที่ยวที่ประสบภัยทางน้ำ
ส่วนการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ กองทัพเรือ ได้น้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” รวมทั้งพระราชดำรัสของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ต้องการให้เกิดความสงบสุขในประเทศมาปฏิบัติอย่างจริงจัง เป็นรูปธรรม โดยเพิ่มงานด้านกิจการพลเรือนในพื้นที่ภาคใต้ให้มากขึ้น ภายใต้โครงการรวมใจไทยเป็นหนึ่ง ที่เน้นการเข้าไปช่วยเหลือ พัฒนาชีวิต ความเป็นอยู่ของประชาชน มีการดำเนินการเข้าไปช่วยซ่อมแซมมัสยิด โรงเรียนและสถานที่สาธารณะประโยชน์ต่างๆ ร่วมกับประชาชนในพื้นที่ตลอดไป มีการนำเยาวชนในพื้นที่เป้าหมายในจังหวัดนราธิวาส มาเปิดโลกทัศน์ อาทิเช่น การทัศนศึกษาดูกิจการของหน่วยต่างๆ ของกองทัพเรือ งานโครงการพระราชดำริ รวมถึงจัดกิจกรรมนันทนาการให้เยาวชนเหล่านี้มีทัศนคติที่ดี มีความเข้าใจที่ถูกต้อง และพร้อมที่จะร่วมมือแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธีต่อไป รวมทั้งกองทัพเรือยังได้มีส่วนช่วยสนับสนุนการจำหน่ายลองกองของเกษตรกรภาคใต้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนที่ไม่สามารถขายผลผลิตได้ด้วย


สำหรับงานอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพแวดล้อม ได้มีโครงการอุทยานใต้ทะเลอ่าวไทยตอนบน ตอนล่าง และทางฝั่งอันดามัน การวางทุ่นผูกเรือ เพื่อฟื้นฟูปะการัง และพืชใต้น้ำโครงการอุทยานใต้ทะเลจุฬาภรณ์ ๓๖ และ ๓๙ และโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ ซึ่งในเดือนตุลาคม ๒๕๕๐ นี้ กองทัพเรือ ร่วมกับโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์การบริการส่วนจังหวัดชลบุรี และหน่วยงานที่ร่วมสนองพระราชดำริ จัดการประชุมวิชาการและนิทรรศการทรัพยากรไทยประโยชน์แท้แก่มหาชน ระหว่างวันที่ ๓๐ ตุลาคม – ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ ณ บริเวณพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย เขาหมาจอ ตำบลแสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา และเพื่อเป็นการสนองพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรของประเทศ และ เป็นการปลูกฝังให้เยาวชนและประชาชนทั่วไป ได้เรียนรู้เห็นคุณค่าของทรัพยากรไทย และร่วมกันอนุรักษ์รักษาไว้ให้ยั่งยืนสืบไป
งานกิจการพลเรือน เป็นงานที่สัมพันธ์ใกล้ชิดประชาชน และต้องรวดเร็ว ทันเหตุการณ์ สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งผลสำเร็จของงานที่ผ่านมาเป็นไปได้ด้วยดี จากการสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชนโดยเฉพาะการเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย กรมกิจการพลเรือนทหารเรือจะได้รับสิ่งของบริจาคทั้งเครื่องอุปโภค บริโภค และสิ่งของที่จำเป็นต่างๆ มอบให้กองทัพเรือเป็นสื่อกลางนำไปบรรเทาทุกข์แก่ผู้ประสบภัยเป็นประจำ ทำให้ทราบถึงความมีน้ำใจของพี่น้องประชาชนคนไทยที่ไม่เคยทอดทิ้งกัน ซึ่งกองทัพเรือก็ได้ตระหนักและเห็นความสำคัญในการช่วยเหลือประชาชนเป็นอย่างยิ่ง โดยได้จัดให้มีศูนย์บรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่ต่างๆ ประกอบด้วย กองเรือภาคที่ ๑ กองเรือยุทธการ ทัพเรือภาคที่ ๒ ทัพเรือภาคที่ ๓ ฐานทัพเรือกรุงเทพ กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง และหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ เป็นหน่วยดำเนินการให้ความช่วยเหลือประชาชน รวมทั้งตั้งศูนย์แจ้งเตือนภัย รับแจ้งเหตุการณ์เมื่อได้รับการร้องขอ และได้เตรียมการไว้พร้อมแล้วที่จะให้การช่วยเหลือประชาชนในปีงบประมาณ ๒๕๕๑
นับได้ว่างานของกรมกิจการพลเรือนทหารเรือ เป็นงานที่มีความสำคัญในการสนับสนุนให้การปฏิบัติตนทางด้านยุทธการต่างๆ ของกองทัพเรือ บรรลุความสำเร็จ เปรียบได้กับการปิดทองหลังพระ ตามพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ว่า “การปิดทองหลังพระนั้น เมื่อถึงคราวจำเป็นก็ต้องปิด ว่าที่จริงแล้วคนโดยมากไม่ค่อยชอบปิดทองหลังพระกันนัก เพราะนึกว่าไม่มีใครเห็นแต่ถ้าทุกคนพากันปิดทองแต่ข้างหน้าไม่มีใครปิดทองหลักพระเลย พระจะเป็นพระที่งามบริบูรณ์ไม่ได้ ดังนั้นหากมีผู้ใดที่ต้องการติดต่อประสานงานกับกรมกิจการพลเรือนทหารเรือ สามารถติดต่อได้ที่แผนกประชาสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๔๔๘๑ และเว็บไซต์ www.navy.mi.th/civil
-----------------------------------
ผลิตโดย กองปกิบัติการจิตวิทยา กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ
ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ประจำวันพฤหัสบดีที่ ๒๕ ต.ค.๕๐ คอลัมน์โลกเกษตร

ลด ละ เลิกสูบบุหรี่กองทัพเรือเฉลิมพระเกียรติฯถวายพ่อหลวงของแผ่นดิน



วันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๔๙ ณ ลานทัศนาภิรมย์ หอประชุมกองทัพเรือ พลเรือเอกสถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เป็นประธานในพิธีเปิด โครงการ ลด ละ เลิกสูบบุหรี่กองทัพเรือเฉลิมพระเกียรติฯ
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ และความต้องการเสริมสร้างสุขภาพกำลังพลกองทัพเรือ ของผู้บัญชาการทหารเรือ กองทัพเรือ จึงได้จัดทำโครงการ ลด ละ เลิก สูบบุหรี่กองทัพเรือเฉลิมพระเกียรติขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรณรงค์ให้กำลังพลกองทัพเรือ ลด ละ เลิก สูบบุหรี่ได้จำนวน ๒๕๕๐ นาย ให้ความรู้กำลังพลกองทัพเรือถึงพิษภัยของบุหรี่ และสร้างบรรยากาศที่ดีในสถานที่ทำงาน รวมทั้งให้หน่วยในกองทัพเรือปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองสุขภาพผู้ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ.๒๕๓๕ เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนธันวาคม ๒๕๔๙ – เดือนธันวาคม ๒๕๕๐ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานกองทุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
การดำเนินการผ่านกิจกรรมรณรงค์ ให้ความรู้ถึงพิษภัยของการสูบบุหรี่ที่เป็นผลเสียต่อสุขภาพของผู้สูบบุหรี่ ครอบครัว และคนใกล้ชิด ภายใต้คำขวัญ “เลิกบุหรี่หนึ่งในความดีถวายในหลวง” ได้แก่ การติดป้ายประชาสัมพันธ์ การประกาศทางสถานีวิทยุ เว็บไซด์ของกองทัพเรือ และทางเสียงตามสาย การอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการให้นายทหารโครงการฯ สายแพทย์และวิทยากรหน่วย เพื่อไปถ่ายทอดความรู้แก่กำลังพลของหน่วย กิจกรรมทหารเรือรุ่นใหม่ห่างไกลบุหรี่ และกิจกรรมสำคัญ คือ การจัดให้มีบริการคลินิกเลิกสูบบุหรี่อย่างเป็นระบบ เปิดให้บริการกำลังพลกองทัพเรือ และประชาชนทั่วไปในโรงพยาบาลของทหารเรือทุกแห่ง ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้มีความประสงค์จะเลิกบุหรี่ มาใช้บริการจำนวนมาก และเป็นที่น่าดีใจว่าหลายคนประสบความสำเร็จในการเลิกสูบบุหรี่ได้อย่างเด็ดขาดด้วยความตั้งใจในการทำความดีถวายในหลวงในปีมหามงคลนี้
การดำเนินการของโครงการนี้นับว่าได้รับผลสำเร็จเป็นอย่างดีมีผู้สามารถ ลด ละ เลิกสูบบุหรี่ได้รวมจำนวนทั้งสิ้น ๖,๘๘๑ นาย (เป็นผู้ลดการสูบบุหรี่ ๕,๐๓๘ นาย เป็นผู้ละการสูบบุหรี่ ๑,๐๐๕ นาย และเป็นผู้เลิกสูบบุหรี่ ๘๓๘ นาย ) มีหน่วยงานที่ได้รับการคัดเลือกเป็นหน่วยปลอดบุหรี่ตัวอย่าง จำนวน ๑๒ หน่วย และได้กำหนดพิธีปิดโครงการฯ ในวันที่ ๒๘
พฤศจิกายน ๒๕๕๐ เวลา ๑๓.๓๐ น. ณ สนามฟุตบอลฐานทัพเรือกรุงเทพ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ โดยมี พลเรือเอก สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธี ซึ่งในพิธีจะมีการมอบโล่และประกาศนียบัตรแก่หน่วยปลอดบุหรี่ และบุคคลที่สามารถเลิกบุหรี่ได้ด้วย นอกจากงานในด้านพิธีการแล้ว ยังมีการจัดแสดงนิทรรศการสร้างเสริมสุขภาพ การบริการตรวจสุขภาพ กิจกรรมแข่งขันวิ่ง-เดินเพื่อสุขภาพ ระยะทาง ๔.๕ กม. การเต้นแอโรบิค การนวดเพื่อสุขภาพ รวมทั้งมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP เพื่อสุขภาพที่น่าสนใจมากมาย และในงานนี้ กองทัพเรือ ยังได้เปิดโครงการทหารเรือไร้พุงที่มีวัตถุประสงค์ในการสร้างเสริมสุขภาพให้แก่กำลังพลกองทัพเรือด้วยการชี้ให้เห็นว่า การลดหุ่น ลดพุงลงนั้น นอกจากจะทำให้บุคลิกภาพดูดี มีความคล่องตัวยิ่งขึ้นแล้ว ยังเป็นการลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวาน
กองทัพเรือ ได้ตระหนักถึงความสำคัญและมีความห่วงใยในสุขภาพของกำลังพลกองทัพเรือเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นถึงแม้ว่าโครงการลด ละเลิกสูบบุหรี่ กองทัพเรือ เฉลิมพระเกียรติฯ จะปิดลงแล้ว แต่กองทัพเรือโดย กรมแพทย์ทหารเรือ และกรมจเรทหารเรือยังรับผิดชอบดำเนินการรณรงค์ในเรื่องของการ ลด ละเลิก สูบบุหรี่ อย่างต่อเนื่องตลอดไป รวมถึงโครงการทหารเรือไร้พุง ก็เป็นอีกโครงการหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพ ร่างกายของกำลังพลกองทัพเรือ ให้แข็งแรงสมบูรณ์ ส่งผลให้สามารถปฏิบัติหน้าที่รับใช้ประชาชนได้อย่างสมบูรณ์
--------------------------
ผลิตโดย กองปฏิบัติการจิตวิทยา กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ
ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพสยามรัฐ ประจำวันพุธที่ ๒๑ พ.ย.๕๐ คอลัมน์ในหลวงของเรา

ราชนาวีรวมใจร่วมถวายพระพรพ่อแห่งแผ่นดิน

“ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาท
หัวใจราชนาวีมิหวั่นไหว
ยึดพระคุณบุญฤทธิ์สิทธิชัย
แม้ร้อยพันโรคภัยไม่พรั่งพรึง......”
ประพันธ์โดย น.อ.ทองย้อย แสงสินชัย


นับจากแถลงการณ์สำนักพระราชวัง ฉบับที่ ๑ ประกาศให้ประชาชนได้รับทราบว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระประชวร เข้ารับการถวายการรักษา ที่โรงพยาบาลศิริราช
นับจากนั้น หัวใจทุกดวงของปวงชนชาวไทย รวมทั้งหัวใจทุกดวงของราชนาวี ต่างหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ร่วมถวายพระพรให้ทรงหายจากพระอาการประชวร และทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติพระองค์ทรงมีพระราชปณิธานอันแน่วแน่ มั่นคง ในอันที่จะบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่ราษฎร ทรงประกอบพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่นานัปประการ ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนเป็นอเนกอนันต์ และนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่พระองค์ท่านทรงพระกรุณาให้ความสนพระราชหฤทัยในการดำเนินการจัดหาเรือรบให้เพียงพอต่อการปฏิบัติภารกิจของกองทัพเรือด้วยการพึ่งพาตนเอง โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ทำให้กองทัพเรือสนองพระราชดำริในการดำเนินการจัดสร้างเรือเร็วรักษาฝั่ง ต.๙๑-ต.๙๙ และเมื่อได้ขยายแบบเรือตามแนวพระราชดำริจนนำสู่การจัดสร้างเรือ ต.๙๙๑, ต.๙๙๒ และ ต.๙๙๓ เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ นอกจากนั้นกองทัพเรือยังจัดให้มีโครงการเฉลิมพระเกียรติในโอกาสมหามงคลนี้อีกหลายโครงการ ประกอบด้วย โครงการวิถีชีวิตข้าราชการกองทัพเรือตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเฉลิมพระเกียรติฯ โครงการลด ละ เลิก สูบบุหรี่กองทัพเรือเฉลิมพระเกียรติฯ โครงการสะพานชมภูมิประเทศป้อมพระจุลจอมเกล้าเฉลิมพระเกียรติฯ โครงการหอประวัติอุทกศาสตร์ไทยเฉลิมพระเกียรติฯ โครงการก่อสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ และกิจกรรมกาชาดคอนเสิร์ตเฉลิมพระเกียรติฯ รวมถึงกองทัพเรือได้จัดขบวนพยุหยาตราชลมารค ในงานพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐินเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ ณ วัดอรุณราชวราราม เส้นทางท่าวาสุกรี-วัดอรุณราชวรารามอย่างยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ ร่วมเฉลิมฉลองในมหามงคล ในวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๐
ตั้งแต่วันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๐ ที่สำนักพระราชวัง เปิดโอกาสให้ประชาชนร่วมลงนามถวายพระพร พลเรือเอก สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ร่วมกับกำลังพลของกองทัพเรือ ได้มาร่วมลงนามถวายพระพรพร้อมกับพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ด้วยความจงรักภักดีอย่างเต็มหัวใจ แม้ผู้อยู่ห่างไกลเพียงไหนต่างร่วมถวายพระพรอย่างพร้อมเพรียงกัน ทุกศาสนา ต่างประกอบพิธีกรรม เพื่ออุทิศถวายให้พระองค์ท่านผู้เป็นพ่อแห่งแผ่นดิน ผู้เป็นจอมทัพไทย ทรงหายจากพระอาการประชวร นับจากวันที่ทรงพระประชวรจนถึงปัจจุบันนี้มีจำนวนผู้ร่วมลงนามถวายพระพรเกินกว่าหนึ่งล้านคน
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ข้าพระพุทธเจ้าในนามข้าราชการกองทัพเรือขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพรชัยมงคล ขอเดชะอานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งปวงในสากล พระบารมีแห่งองค์พระสยามเทวาธิราช พระบรมเดชานุภาพแห่งพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าทุกพระองค์ได้โปรดอภิบาลดลบันดาลให้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงเจริญด้วยจตุรพิธพรชัย ทรงเกษมสำราญด้วยพระพลานามัยสมบูรณ์ปราศจากโรคาภยันตรายทั้งปวง พระชนมพรรษายิ่งยืนนาน สถิตสถาพรในไอศูรย์ราชสมบัติ ทรงเป็นมิ่งขวัญที่พึ่งอันร่มเย็นแก่ปวงพสกนิกรตราบชั่วกาลนาน
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า ข้าราชการกองทัพเรือ
-------------------------
ผลิตโดย กองปฏิบัติการจิตวิทยา กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ
ตีพิมพ์ในวาสารนาวิกศาสตร์ ประจำเดือน พ.ย.๕๐

คืนความสดใสให้แม่น้ำเจ้าพระยาในวันกองทัพเรือ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๐







๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ วันกองทัพเรือ วันสำคัญยิ่งของเหล่าทหารเรือทุกคน เป็นวันที่พวกเราทหารเรือ น้อมระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระกรุณาเสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดโรงเรียนนายเรือ ณ พระราชวังเดิม ธนบุรี เมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๔๔๙ และได้พระราชทานพระราชหัตถเลขาไว้ในสมุดเยี่ยมของโรงเรียนนายเรือว่า “วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ร.ศ.๑๒๕ เราจุฬาลงกรณ์ ปร.ได้มาเปิดโรงเรียนนี้ มีความปลื้มใจ ซึ่งได้เหนการทหารเรือมีรากหยั่งลงแล้วจะเปนที่มั่นสืบไปในภายน่า” กองทัพเรือ จึงได้ถือวันมหามงคลนี้เป็นวันกองทัพเรือมาตราบจนปัจจุบันนี้
ในวันกองทัพเรือ นอกจากการประกอบพิธีทำบุญทางศาสนาแล้ว กิจกรรมที่กองทัพเรือดำเนินการมาโดยตลอด คือ การบำเพ็ญสาธารณประโยชน์เพื่อส่วนรวม ด้วยตระหนักอยู่เสมอว่า กองทัพเรือ เป็น กองทัพเรือเพื่อประชาชน
กิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์เนื่องในวันกองทัพเรือจะเริ่มทำกันตั้งแต่วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ โดยจัดกำลังพลเข้าดำเนินการพัฒนาบริเวณวัดในพื้นที่ใกล้เคียงกับกองบัญชาการกองทัพเรือทั้งวัดอรุณราชวรารามวรมหาวิหาร วัดโมลีโลกยารามราชวรวิหาร และวัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร ซึ่งจะทำความสะอาด พัฒนาพื้นที่ ปรับปรุงภูมิทัศน์และทัศนียภาพของบริเวณพื้นที่โดยรอบของวัดให้สวยงาม สะอาดตา เป็นที่เจริญตา เจริญใจ แก่พุทธศาสนิกชนที่ได้ไปร่วมทำบุญที่วัด นับเป็นการบำรุงพระพุทธศาสนาอีกทางหนึ่ง
ส่วนกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ในวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ นั้น เป็นกิจกรรมสำคัญที่กองทัพเรือได้น้อมนำพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ว่า “น้ำคือชีวิต” และพระราชดำรัสสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถที่ขอให้ทุกคนช่วยกันรักษาแม่น้ำต่างๆ และขอให้คนกรุงเทพมหานครช่วยกันรักษาแม่น้ำเจ้าพระยา โดยกองทัพเรือ ได้ร่วมกับสำนักงานสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร จัดกิจกรรมกำจัดวัชพืชและทำความสะอาดแม่น้ำเจ้าพระยา เส้นทางระหว่างสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า-สะพานพระพุทธยอดฟ้า แม่น้ำเจ้าพระยา เป็นเสมือนเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงประชาชนชาวไทยมานานแสนนาน เป็นแหล่งคมนาคม
แหล่งประมง แหล่งหล่อเลี้ยงเกษตรกรกระดูกสันหลังของชาติให้ประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเอง และประเทศชาติมายาวนานหลายชั่วอายุคน แต่น่าเสียดายที่แม่น้ำสายหลักสายสำคัญนี้กลับถูกละเลย ไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่ จากผู้รู้เท่าไม่ถึงการณ์ทั้งหลาย ทั้งการทิ้งขยะสิ่งปฏิกูล การปล่อยน้ำเสียลงสู่แม่น้ำ การรั่วไหลของน้ำมันจากพาหนะที่ใช้สัญจร รวมถึงการก่อสร้างรุกล้ำลงไปในแม่น้ำ กว่าพวกเราจะตระหนักว่าได้ทำร้ายแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีพระคุณกับพวกเรา สภาพของแม่น้ำเจ้าพระยาที่เคยใสสะอาดก็เริ่มเปลี่ยนไปตามผลกระทบจากสภาพแวดล้อมเป็นพิษที่ถาโถมเข้าใส่ กองทัพเรือซึ่งมีกองบัญชาการตั้งอยู่ ณ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ได้เห็นความสำคัญของการช่วยกันรักษาแม่น้ำเจ้าพระยา ได้จัดกิจกรรมทำความสะอาดแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นประจำอยู่แล้ว และในโอกาสวันกองทัพเรือนี้ กิจกรรมกำจัดวัชพืชและทำความสะอาดเพื่อคืนความสดใสให้แม่น้ำเจ้าพระยา จึงถูกบรรจุเป็นกิจกรรมที่กองทัพเรือจะระดมสรรพกำลังดำเนินการอย่างเต็มที่ ซึ่งนอกจากการทำความสะอาดแม่น้ำเจ้าพระยาแล้วยังจะจัดให้มีการรณรงค์ให้ประชาชนคนไทยทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ริมน้ำเจ้าพระยาเห็นความสำคัญและร่วมมือกันในการรักษาความสะอาดแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย
และในวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ ยังมีกิจกรรมบริจาคโลหิต ณ ห้องอรุณอมรินทร์ หอประชุมกองทัพเรือ โดยถือว่าการให้โลหิตเป็นการให้ชีวิตช่วยเหลือผู้เจ็บป่วย ซึ่งกิจกรรมนี้จะมีกำลังพลของกองทัพเรือเข้าร่วมเป็นจำนวนมากทุกครั้ง ส่วนในวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ มีกิจกรรมปล่อยปลาคืนสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ณ บริเวณท่าเทียบเรือ กองบัญชาการกองทัพเรือ เพื่อคืนชีวิตสู่แม่น้ำเจ้าพระยา
๑๐๑ ปี ที่กองทัพเรือ ยึดปณิธานแน่วแน่ในการปฏิบัติหน้าที่ธำรงรักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ การปกป้องคุ้มครองอธิปไตยและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล การพัฒนาประเทศ และการช่วยเหลือประชาชน ในวันกองทัพเรือที่จะถึงนี้นอกจากกิจกรรมดังกล่าวข้างต้นแล้ว ทุกหน่วยของกองทัพเรือในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ยังได้จัดกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบอย่างพร้อมเพรียงกัน
------------------------------------
ผลิตโดย กองปกิบัติการจิตวิทยา กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ
ตีพิมพ์ในเดลินิวส์ ประจำวันเสาร์ที่ ๑๗ พ.ย.๕๐ ย่อยข่าว