Monday, November 26, 2007

กองทัพเรือร่วมให้โอกาสเด็กและเยาวชนในโครงการ “สร้างพ่อครัว สร้างอาชีพ”



เด็กและเยาวชน เปรียบเสมือนผ้าขาวที่พวกเราทุกคนในครอบครัวในสังคมต้อง คอยดูแล ประคับประคอง ช่วยให้พวกเขาก้าวเดินไปในทิศทางที่ถูกต้องและหากพวกเขา ก้าวเดินผิดพลาด หรือล้มลง ก็เป็นหน้าที่ของครอบครัวและสังคม ที่ต้องพร้อมจะให้อภัย และ ชี้แนวทางเดินในทิศทางที่ถูกต้องให้แก่พวกเขา และที่สำคัญต้องให้ “โอกาส” ในการกลับคืนสู่สังคมอย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี เพราะเด็กและเยาวชนเหล่านั้น คือ อนาคตของประเทศไทย
ด้วยตระหนักถึงความสำคัญของการให้โอกาสแก่เด็กและเยาวชนที่ได้กระทำผิดพลาด เพื่อกลับตัว กลับใจ เป็นพลเมืองดีของสังคมและประเทศชาติ กองทัพเรือ จึงได้ให้การสนับสนุนโครงการ “สร้างพ่อครัว สร้างอาชีพ” ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงยุติธรรม และบริษัท ยูนิลิเวอร์ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๗ กันยายน – ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๐ โครงการสร้างพ่อครัว สร้างอาชีพ มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้เด็กและเยาวชนจากสถานพินิจ มาฝึกทักษะอาชีพพ่อครัวกับกองทัพเรือ เพื่อเตรียมความพร้อมในการนำความรู้ที่ได้รับไปประกอบอาชีพหลังจากได้ออกจากสถานพินิจแล้ว และสามารถกลับเข้าสู่สังคม และใช้ชีวิตอย่างปกติสุขต่อไป โดยกองทัพเรือ ได้มอบหมายให้กรมพลาธิการทหารเรือ ซึ่งมีโรงเรียนพลาธิการทหารเรือ เป็นแหล่งผลิตบุคคลากรวิชาชีพ สายพลาธิการของกองทัพเรือ ทำหน้าที่ในการฝึก อบรมหลักสูตร พัสดุ บริการและสหโภชน์ให้แก่ข้าราชการ นักเรียนจ่า และทหารกองประจำการเหล่าพลาธิการ รับหน้าที่ฝึกอบรมให้แก่เด็กและเยาวชน จำนวน ๑๐ คน ที่ได้รับการคัดเลือกจากสถานพินิจ และทำการฝึกอบรมในวันจันทร์และวันพุธในช่วงระหว่างวันที่ ๗ กันยายน – ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๐ โดยในวันแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ พลเรือเอก สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้ให้ความสำคัญและไปแถลงข่าวร่วมกับนายจรัญ ภักดีธนากูล ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายไพศาล วิเชียรเกื้อ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และนายลออิคทาร์ดี้ ประธานกรรมการบริษัท ยูนิลิเวอร์ไทย เทรดดิ้ง จำกัด เมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๐ ณ ห้องประชุม ชั้น ๒๘ กระทรวงยุติธรรมด้วย

ณ สถานที่ฝึก โรงเรียนพลาธิการทหารเรือ กรมพลาธิการทหารเรือ ได้จัดวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญและความชำนาญในด้านสหโภชน์ดูแล ฝึกอบรม เด็กและเยาวชน อย่างใกล้ชิด รายการอาหารที่ฝึกหัดนั้น เป็นรายการอาหารยอดนิยมที่ทำได้ไม่ยากนัก อาทิ แกงเขียวหวานหมู แกงป่าไก่ แกงเทโพ ไก่ตุ๋นฟักมะนาวดอง แกงจืดปลาหมึกสอดไส้ ต้มส้มปลาทู ต้มยำกุ้ง หมูทอดกระเทียม น้ำพริกกะปิ-ปลาทู ก๋วยเตี๋ยวผัดซีอิ้ว ผัดไทยกุ้งสด ข้าวหมูแดง ข้าวมันไก่ ลาบหมู่ ลาบไก่ รวมทั้งมีการฝึกหัดทำขนมด้วย อาทิ วุ้นกะทิ เต้าส่วน ขนมถั่วแปบ บัวลอยสี่สี
เด็กและเยาวชนที่เข้ารับการอบรมกับกองทัพเรือ ทั้ง ๑๐ คน ล้วนมีความมุ่งมั่น ตั้งอกตั้งใจในการเรียนรู้ มีความกระตือรือร้น ในการฝึกหัดเป็นอย่างมาก แม้การฝึกอบรมจะเป็นระยะเวลาไม่นานนัก แต่ด้วยความทุ่มเทของวิทยากรที่ถ่ายทอดความรู้และความตั้งใจอย่างเต็มที่ของเด็กและเยาวชนที่ร่วมฝึกอบรม ทำให้เชื่อมั่นได้ว่าเด็กและเยาวชนเหล่านี้ เมื่อได้ออกจากสถานพินิจไปแล้ว จะสามารถนำความรู้ที่ได้รับนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวัน สร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างอนาคตที่ดีให้แก่ตนเองได้อย่างแน่นอน
นับเป็นอีกโครงการหนึ่งที่กองทัพเรือ ได้มีส่วนร่วมสร้างโอกาสให้เด็กและเยาวชนที่หลงผิดได้กลับมาก้าวเดินในทิศทางที่ถูกต้อง เป็นอนาคตที่ดีเป็นพลังสำคัญของประเทศชาติต่อไป
--------------------------------------------
ผลิตโดย กองปฏิบัติการจิตวิทยา กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ
ตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์แนวหน้า ประจำวันอังคารที่ ๖ พ.ย.๕๐ สกู๊ปพิเศษ

Wednesday, November 21, 2007

๑๒ ปี ของหน่วยงานที่ทำงานใกล้ชิดประชาชน กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ

“กองทัพเรือ เพื่อประชาชน” กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ มีปณิธานแน่วแน่ในการที่จะทำให้กองทัพเรือ เป็นกองทัพเรือเพื่อประชาชน
๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๐ เป็นวันคล้ายวันสถาปนากรมกิจการพลเรือนทหารเรือ ครบรอบ ๑๒ ปี งานของกรมกิจการพลเรือนทหารเรือ จะเป็นงานใกล้ชิดกับประชาชนที่ทำควบคู่ และสนับสนุนงานยุทธการมีทั้งงานพัฒนาประเทศช่วยเหลือประชาชนเมื่อประสบภัยพิบัติหรือความเดือดร้อนต่างๆ สนับสนุนกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน ประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารให้ความรู้ ความเข้าใจเรื่องผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ปลูกฝังอุดมการณ์ให้ยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข สนับสนุนงานตามโครงการพระราชดำริ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล ตลอดจนพัฒนาองค์บุคคลโดยให้การศึกษาวิชาด้านกิจการพลเรือนและวิชาเกี่ยวข้องที่จำเป็น
งานกิจการพลเรือนจึงเป็นงานที่ไม่หยุดนิ่ง ต้องพัฒนางาน พัฒนาองค์บุคคลให้ก้าวทันสถานการณ์ปัจจุบันอยู่เสมอ เพื่อให้สามารถรับใช้และช่วยเหลือประชาชนได้ทันกับทุกเหตุการณ์
การปฏิบัติงานที่สำคัญในรอบปีงบประมาณ ๒๕๕๐ ที่ผ่านมา ประกอบด้วย การสนับสนุนกำลังพลและพาหนะนำสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคไปมอบให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยจากอิทธิพลของพายุดีเปรสชั่น “ช้างสาร” เมื่อปลายปี พ.ศ.๒๕๔๙ ที่ทำให้เกิดฝนตกหนัก น้ำเอ่อล้นในหลายพื้นที่ มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนจำนวนมากทั้งกรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี และในอีกหลายจังหวัด เช่น พระนครศรีอยุธยา จันทบุรี อุทัยธานี อ่างทอง พิษณุโลก สุพรรณบุรี สิงห์บุรี และชัยนาท กองทัพเรือได้จัดกำลังพล เรือท้องแบน พาหนะ รวมทั้งเครื่องอุปโภค บริโภค ไปให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนตั้งแต่เริ่มเกิดสถานการณ์ รวมทั้งช่วยดูแลฟื้นฟูภายหลังเกิดอุทกภัยอย่างต่อเนื่อง และเป็นที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่กองทัพเรือได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้ร่วมดำเนินการช่วยเหลือประชาชนร่วมกับมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ สถานีโทรทัศน์ไอทีวี บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) และบริษัทผู้ผลิตรายการ สถานีสนามเป้า ทำให้การช่วยเหลือประชาชนเป็นไปอย่างรวดเร็วและทั่วถึง และยังได้ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา และในอีกหลายพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยในรอบปีที่ผ่านมา

สำหรับภัยหนาวก็ได้ร่วมกับสถานีโทรทัศน์ไอทีวีในโครงการไอทีวีร่วมมือร่วมใจต้านภัยหนาวในจังหวัดมุกดาหารและสกลนคร การช่วยเหลือภัยแล้ง ได้จัดทั้งรถบรรทุกน้ำ รวมทั้งเรือสนับสนุนน้ำจืดในพื้นที่ที่เป็นเกาะที่ขาดแคลนน้ำด้วย การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอัคคีภัย ได้เข้าไปร่วมช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยในพื้นที่ชุมชนคลองเตย และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี นอกจากนั้นยังได้ให้ความช่วยเหลือชาวประมง เรือสินค้า นักท่องเที่ยวที่ประสบภัยทางน้ำ
ส่วนการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ กองทัพเรือ ได้น้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” รวมทั้งพระราชดำรัสของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ต้องการให้เกิดความสงบสุขในประเทศมาปฏิบัติอย่างจริงจัง เป็นรูปธรรม โดยเพิ่มงานด้านกิจการพลเรือนในพื้นที่ภาคใต้ให้มากขึ้น ภายใต้โครงการรวมใจไทยเป็นหนึ่ง ที่เน้นการเข้าไปช่วยเหลือ พัฒนาชีวิต ความเป็นอยู่ของประชาชน มีการดำเนินการเข้าไปช่วยซ่อมแซมมัสยิด โรงเรียนและสถานที่สาธารณะประโยชน์ต่างๆ ร่วมกับประชาชนในพื้นที่ตลอดไป มีการนำเยาวชนในพื้นที่เป้าหมายในจังหวัดนราธิวาส มาเปิดโลกทัศน์ อาทิเช่น การทัศนศึกษาดูกิจการของหน่วยต่างๆ ของกองทัพเรือ งานโครงการพระราชดำริ รวมถึงจัดกิจกรรมนันทนาการให้เยาวชนเหล่านี้มีทัศนคติที่ดี มีความเข้าใจที่ถูกต้อง และพร้อมที่จะร่วมมือแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธีต่อไป รวมทั้งกองทัพเรือยังได้มีส่วนช่วยสนับสนุนการจำหน่ายลองกองของเกษตรกรภาคใต้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนที่ไม่สามารถขายผลผลิตได้ด้วย


สำหรับงานอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพแวดล้อม ได้มีโครงการอุทยานใต้ทะเลอ่าวไทยตอนบน ตอนล่าง และทางฝั่งอันดามัน การวางทุ่นผูกเรือ เพื่อฟื้นฟูปะการัง และพืชใต้น้ำโครงการอุทยานใต้ทะเลจุฬาภรณ์ ๓๖ และ ๓๙ และโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ ซึ่งในเดือนตุลาคม ๒๕๕๐ นี้ กองทัพเรือ ร่วมกับโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์การบริการส่วนจังหวัดชลบุรี และหน่วยงานที่ร่วมสนองพระราชดำริ จัดการประชุมวิชาการและนิทรรศการทรัพยากรไทยประโยชน์แท้แก่มหาชน ระหว่างวันที่ ๓๐ ตุลาคม – ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ ณ บริเวณพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย เขาหมาจอ ตำบลแสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา และเพื่อเป็นการสนองพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรของประเทศ และ เป็นการปลูกฝังให้เยาวชนและประชาชนทั่วไป ได้เรียนรู้เห็นคุณค่าของทรัพยากรไทย และร่วมกันอนุรักษ์รักษาไว้ให้ยั่งยืนสืบไป
งานกิจการพลเรือน เป็นงานที่สัมพันธ์ใกล้ชิดประชาชน และต้องรวดเร็ว ทันเหตุการณ์ สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งผลสำเร็จของงานที่ผ่านมาเป็นไปได้ด้วยดี จากการสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชนโดยเฉพาะการเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย กรมกิจการพลเรือนทหารเรือจะได้รับสิ่งของบริจาคทั้งเครื่องอุปโภค บริโภค และสิ่งของที่จำเป็นต่างๆ มอบให้กองทัพเรือเป็นสื่อกลางนำไปบรรเทาทุกข์แก่ผู้ประสบภัยเป็นประจำ ทำให้ทราบถึงความมีน้ำใจของพี่น้องประชาชนคนไทยที่ไม่เคยทอดทิ้งกัน ซึ่งกองทัพเรือก็ได้ตระหนักและเห็นความสำคัญในการช่วยเหลือประชาชนเป็นอย่างยิ่ง โดยได้จัดให้มีศูนย์บรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่ต่างๆ ประกอบด้วย กองเรือภาคที่ ๑ กองเรือยุทธการ ทัพเรือภาคที่ ๒ ทัพเรือภาคที่ ๓ ฐานทัพเรือกรุงเทพ กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง และหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ เป็นหน่วยดำเนินการให้ความช่วยเหลือประชาชน รวมทั้งตั้งศูนย์แจ้งเตือนภัย รับแจ้งเหตุการณ์เมื่อได้รับการร้องขอ และได้เตรียมการไว้พร้อมแล้วที่จะให้การช่วยเหลือประชาชนในปีงบประมาณ ๒๕๕๑
นับได้ว่างานของกรมกิจการพลเรือนทหารเรือ เป็นงานที่มีความสำคัญในการสนับสนุนให้การปฏิบัติตนทางด้านยุทธการต่างๆ ของกองทัพเรือ บรรลุความสำเร็จ เปรียบได้กับการปิดทองหลังพระ ตามพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ว่า “การปิดทองหลังพระนั้น เมื่อถึงคราวจำเป็นก็ต้องปิด ว่าที่จริงแล้วคนโดยมากไม่ค่อยชอบปิดทองหลังพระกันนัก เพราะนึกว่าไม่มีใครเห็นแต่ถ้าทุกคนพากันปิดทองแต่ข้างหน้าไม่มีใครปิดทองหลักพระเลย พระจะเป็นพระที่งามบริบูรณ์ไม่ได้ ดังนั้นหากมีผู้ใดที่ต้องการติดต่อประสานงานกับกรมกิจการพลเรือนทหารเรือ สามารถติดต่อได้ที่แผนกประชาสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๔๔๘๑ และเว็บไซต์ www.navy.mi.th/civil
-----------------------------------
ผลิตโดย กองปกิบัติการจิตวิทยา กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ
ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ประจำวันพฤหัสบดีที่ ๒๕ ต.ค.๕๐ คอลัมน์โลกเกษตร

ลด ละ เลิกสูบบุหรี่กองทัพเรือเฉลิมพระเกียรติฯถวายพ่อหลวงของแผ่นดิน



วันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๔๙ ณ ลานทัศนาภิรมย์ หอประชุมกองทัพเรือ พลเรือเอกสถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เป็นประธานในพิธีเปิด โครงการ ลด ละ เลิกสูบบุหรี่กองทัพเรือเฉลิมพระเกียรติฯ
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ และความต้องการเสริมสร้างสุขภาพกำลังพลกองทัพเรือ ของผู้บัญชาการทหารเรือ กองทัพเรือ จึงได้จัดทำโครงการ ลด ละ เลิก สูบบุหรี่กองทัพเรือเฉลิมพระเกียรติขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรณรงค์ให้กำลังพลกองทัพเรือ ลด ละ เลิก สูบบุหรี่ได้จำนวน ๒๕๕๐ นาย ให้ความรู้กำลังพลกองทัพเรือถึงพิษภัยของบุหรี่ และสร้างบรรยากาศที่ดีในสถานที่ทำงาน รวมทั้งให้หน่วยในกองทัพเรือปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองสุขภาพผู้ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ.๒๕๓๕ เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนธันวาคม ๒๕๔๙ – เดือนธันวาคม ๒๕๕๐ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานกองทุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
การดำเนินการผ่านกิจกรรมรณรงค์ ให้ความรู้ถึงพิษภัยของการสูบบุหรี่ที่เป็นผลเสียต่อสุขภาพของผู้สูบบุหรี่ ครอบครัว และคนใกล้ชิด ภายใต้คำขวัญ “เลิกบุหรี่หนึ่งในความดีถวายในหลวง” ได้แก่ การติดป้ายประชาสัมพันธ์ การประกาศทางสถานีวิทยุ เว็บไซด์ของกองทัพเรือ และทางเสียงตามสาย การอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการให้นายทหารโครงการฯ สายแพทย์และวิทยากรหน่วย เพื่อไปถ่ายทอดความรู้แก่กำลังพลของหน่วย กิจกรรมทหารเรือรุ่นใหม่ห่างไกลบุหรี่ และกิจกรรมสำคัญ คือ การจัดให้มีบริการคลินิกเลิกสูบบุหรี่อย่างเป็นระบบ เปิดให้บริการกำลังพลกองทัพเรือ และประชาชนทั่วไปในโรงพยาบาลของทหารเรือทุกแห่ง ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้มีความประสงค์จะเลิกบุหรี่ มาใช้บริการจำนวนมาก และเป็นที่น่าดีใจว่าหลายคนประสบความสำเร็จในการเลิกสูบบุหรี่ได้อย่างเด็ดขาดด้วยความตั้งใจในการทำความดีถวายในหลวงในปีมหามงคลนี้
การดำเนินการของโครงการนี้นับว่าได้รับผลสำเร็จเป็นอย่างดีมีผู้สามารถ ลด ละ เลิกสูบบุหรี่ได้รวมจำนวนทั้งสิ้น ๖,๘๘๑ นาย (เป็นผู้ลดการสูบบุหรี่ ๕,๐๓๘ นาย เป็นผู้ละการสูบบุหรี่ ๑,๐๐๕ นาย และเป็นผู้เลิกสูบบุหรี่ ๘๓๘ นาย ) มีหน่วยงานที่ได้รับการคัดเลือกเป็นหน่วยปลอดบุหรี่ตัวอย่าง จำนวน ๑๒ หน่วย และได้กำหนดพิธีปิดโครงการฯ ในวันที่ ๒๘
พฤศจิกายน ๒๕๕๐ เวลา ๑๓.๓๐ น. ณ สนามฟุตบอลฐานทัพเรือกรุงเทพ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ โดยมี พลเรือเอก สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธี ซึ่งในพิธีจะมีการมอบโล่และประกาศนียบัตรแก่หน่วยปลอดบุหรี่ และบุคคลที่สามารถเลิกบุหรี่ได้ด้วย นอกจากงานในด้านพิธีการแล้ว ยังมีการจัดแสดงนิทรรศการสร้างเสริมสุขภาพ การบริการตรวจสุขภาพ กิจกรรมแข่งขันวิ่ง-เดินเพื่อสุขภาพ ระยะทาง ๔.๕ กม. การเต้นแอโรบิค การนวดเพื่อสุขภาพ รวมทั้งมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP เพื่อสุขภาพที่น่าสนใจมากมาย และในงานนี้ กองทัพเรือ ยังได้เปิดโครงการทหารเรือไร้พุงที่มีวัตถุประสงค์ในการสร้างเสริมสุขภาพให้แก่กำลังพลกองทัพเรือด้วยการชี้ให้เห็นว่า การลดหุ่น ลดพุงลงนั้น นอกจากจะทำให้บุคลิกภาพดูดี มีความคล่องตัวยิ่งขึ้นแล้ว ยังเป็นการลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวาน
กองทัพเรือ ได้ตระหนักถึงความสำคัญและมีความห่วงใยในสุขภาพของกำลังพลกองทัพเรือเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นถึงแม้ว่าโครงการลด ละเลิกสูบบุหรี่ กองทัพเรือ เฉลิมพระเกียรติฯ จะปิดลงแล้ว แต่กองทัพเรือโดย กรมแพทย์ทหารเรือ และกรมจเรทหารเรือยังรับผิดชอบดำเนินการรณรงค์ในเรื่องของการ ลด ละเลิก สูบบุหรี่ อย่างต่อเนื่องตลอดไป รวมถึงโครงการทหารเรือไร้พุง ก็เป็นอีกโครงการหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพ ร่างกายของกำลังพลกองทัพเรือ ให้แข็งแรงสมบูรณ์ ส่งผลให้สามารถปฏิบัติหน้าที่รับใช้ประชาชนได้อย่างสมบูรณ์
--------------------------
ผลิตโดย กองปฏิบัติการจิตวิทยา กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ
ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพสยามรัฐ ประจำวันพุธที่ ๒๑ พ.ย.๕๐ คอลัมน์ในหลวงของเรา

ราชนาวีรวมใจร่วมถวายพระพรพ่อแห่งแผ่นดิน

“ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาท
หัวใจราชนาวีมิหวั่นไหว
ยึดพระคุณบุญฤทธิ์สิทธิชัย
แม้ร้อยพันโรคภัยไม่พรั่งพรึง......”
ประพันธ์โดย น.อ.ทองย้อย แสงสินชัย


นับจากแถลงการณ์สำนักพระราชวัง ฉบับที่ ๑ ประกาศให้ประชาชนได้รับทราบว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระประชวร เข้ารับการถวายการรักษา ที่โรงพยาบาลศิริราช
นับจากนั้น หัวใจทุกดวงของปวงชนชาวไทย รวมทั้งหัวใจทุกดวงของราชนาวี ต่างหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ร่วมถวายพระพรให้ทรงหายจากพระอาการประชวร และทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติพระองค์ทรงมีพระราชปณิธานอันแน่วแน่ มั่นคง ในอันที่จะบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่ราษฎร ทรงประกอบพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่นานัปประการ ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนเป็นอเนกอนันต์ และนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่พระองค์ท่านทรงพระกรุณาให้ความสนพระราชหฤทัยในการดำเนินการจัดหาเรือรบให้เพียงพอต่อการปฏิบัติภารกิจของกองทัพเรือด้วยการพึ่งพาตนเอง โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ทำให้กองทัพเรือสนองพระราชดำริในการดำเนินการจัดสร้างเรือเร็วรักษาฝั่ง ต.๙๑-ต.๙๙ และเมื่อได้ขยายแบบเรือตามแนวพระราชดำริจนนำสู่การจัดสร้างเรือ ต.๙๙๑, ต.๙๙๒ และ ต.๙๙๓ เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ นอกจากนั้นกองทัพเรือยังจัดให้มีโครงการเฉลิมพระเกียรติในโอกาสมหามงคลนี้อีกหลายโครงการ ประกอบด้วย โครงการวิถีชีวิตข้าราชการกองทัพเรือตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเฉลิมพระเกียรติฯ โครงการลด ละ เลิก สูบบุหรี่กองทัพเรือเฉลิมพระเกียรติฯ โครงการสะพานชมภูมิประเทศป้อมพระจุลจอมเกล้าเฉลิมพระเกียรติฯ โครงการหอประวัติอุทกศาสตร์ไทยเฉลิมพระเกียรติฯ โครงการก่อสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ และกิจกรรมกาชาดคอนเสิร์ตเฉลิมพระเกียรติฯ รวมถึงกองทัพเรือได้จัดขบวนพยุหยาตราชลมารค ในงานพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐินเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ ณ วัดอรุณราชวราราม เส้นทางท่าวาสุกรี-วัดอรุณราชวรารามอย่างยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ ร่วมเฉลิมฉลองในมหามงคล ในวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๐
ตั้งแต่วันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๐ ที่สำนักพระราชวัง เปิดโอกาสให้ประชาชนร่วมลงนามถวายพระพร พลเรือเอก สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ร่วมกับกำลังพลของกองทัพเรือ ได้มาร่วมลงนามถวายพระพรพร้อมกับพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ด้วยความจงรักภักดีอย่างเต็มหัวใจ แม้ผู้อยู่ห่างไกลเพียงไหนต่างร่วมถวายพระพรอย่างพร้อมเพรียงกัน ทุกศาสนา ต่างประกอบพิธีกรรม เพื่ออุทิศถวายให้พระองค์ท่านผู้เป็นพ่อแห่งแผ่นดิน ผู้เป็นจอมทัพไทย ทรงหายจากพระอาการประชวร นับจากวันที่ทรงพระประชวรจนถึงปัจจุบันนี้มีจำนวนผู้ร่วมลงนามถวายพระพรเกินกว่าหนึ่งล้านคน
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ข้าพระพุทธเจ้าในนามข้าราชการกองทัพเรือขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพรชัยมงคล ขอเดชะอานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งปวงในสากล พระบารมีแห่งองค์พระสยามเทวาธิราช พระบรมเดชานุภาพแห่งพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าทุกพระองค์ได้โปรดอภิบาลดลบันดาลให้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงเจริญด้วยจตุรพิธพรชัย ทรงเกษมสำราญด้วยพระพลานามัยสมบูรณ์ปราศจากโรคาภยันตรายทั้งปวง พระชนมพรรษายิ่งยืนนาน สถิตสถาพรในไอศูรย์ราชสมบัติ ทรงเป็นมิ่งขวัญที่พึ่งอันร่มเย็นแก่ปวงพสกนิกรตราบชั่วกาลนาน
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า ข้าราชการกองทัพเรือ
-------------------------
ผลิตโดย กองปฏิบัติการจิตวิทยา กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ
ตีพิมพ์ในวาสารนาวิกศาสตร์ ประจำเดือน พ.ย.๕๐

คืนความสดใสให้แม่น้ำเจ้าพระยาในวันกองทัพเรือ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๐







๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ วันกองทัพเรือ วันสำคัญยิ่งของเหล่าทหารเรือทุกคน เป็นวันที่พวกเราทหารเรือ น้อมระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระกรุณาเสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดโรงเรียนนายเรือ ณ พระราชวังเดิม ธนบุรี เมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๔๔๙ และได้พระราชทานพระราชหัตถเลขาไว้ในสมุดเยี่ยมของโรงเรียนนายเรือว่า “วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ร.ศ.๑๒๕ เราจุฬาลงกรณ์ ปร.ได้มาเปิดโรงเรียนนี้ มีความปลื้มใจ ซึ่งได้เหนการทหารเรือมีรากหยั่งลงแล้วจะเปนที่มั่นสืบไปในภายน่า” กองทัพเรือ จึงได้ถือวันมหามงคลนี้เป็นวันกองทัพเรือมาตราบจนปัจจุบันนี้
ในวันกองทัพเรือ นอกจากการประกอบพิธีทำบุญทางศาสนาแล้ว กิจกรรมที่กองทัพเรือดำเนินการมาโดยตลอด คือ การบำเพ็ญสาธารณประโยชน์เพื่อส่วนรวม ด้วยตระหนักอยู่เสมอว่า กองทัพเรือ เป็น กองทัพเรือเพื่อประชาชน
กิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์เนื่องในวันกองทัพเรือจะเริ่มทำกันตั้งแต่วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ โดยจัดกำลังพลเข้าดำเนินการพัฒนาบริเวณวัดในพื้นที่ใกล้เคียงกับกองบัญชาการกองทัพเรือทั้งวัดอรุณราชวรารามวรมหาวิหาร วัดโมลีโลกยารามราชวรวิหาร และวัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร ซึ่งจะทำความสะอาด พัฒนาพื้นที่ ปรับปรุงภูมิทัศน์และทัศนียภาพของบริเวณพื้นที่โดยรอบของวัดให้สวยงาม สะอาดตา เป็นที่เจริญตา เจริญใจ แก่พุทธศาสนิกชนที่ได้ไปร่วมทำบุญที่วัด นับเป็นการบำรุงพระพุทธศาสนาอีกทางหนึ่ง
ส่วนกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ในวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ นั้น เป็นกิจกรรมสำคัญที่กองทัพเรือได้น้อมนำพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ว่า “น้ำคือชีวิต” และพระราชดำรัสสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถที่ขอให้ทุกคนช่วยกันรักษาแม่น้ำต่างๆ และขอให้คนกรุงเทพมหานครช่วยกันรักษาแม่น้ำเจ้าพระยา โดยกองทัพเรือ ได้ร่วมกับสำนักงานสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร จัดกิจกรรมกำจัดวัชพืชและทำความสะอาดแม่น้ำเจ้าพระยา เส้นทางระหว่างสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า-สะพานพระพุทธยอดฟ้า แม่น้ำเจ้าพระยา เป็นเสมือนเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงประชาชนชาวไทยมานานแสนนาน เป็นแหล่งคมนาคม
แหล่งประมง แหล่งหล่อเลี้ยงเกษตรกรกระดูกสันหลังของชาติให้ประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเอง และประเทศชาติมายาวนานหลายชั่วอายุคน แต่น่าเสียดายที่แม่น้ำสายหลักสายสำคัญนี้กลับถูกละเลย ไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่ จากผู้รู้เท่าไม่ถึงการณ์ทั้งหลาย ทั้งการทิ้งขยะสิ่งปฏิกูล การปล่อยน้ำเสียลงสู่แม่น้ำ การรั่วไหลของน้ำมันจากพาหนะที่ใช้สัญจร รวมถึงการก่อสร้างรุกล้ำลงไปในแม่น้ำ กว่าพวกเราจะตระหนักว่าได้ทำร้ายแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีพระคุณกับพวกเรา สภาพของแม่น้ำเจ้าพระยาที่เคยใสสะอาดก็เริ่มเปลี่ยนไปตามผลกระทบจากสภาพแวดล้อมเป็นพิษที่ถาโถมเข้าใส่ กองทัพเรือซึ่งมีกองบัญชาการตั้งอยู่ ณ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ได้เห็นความสำคัญของการช่วยกันรักษาแม่น้ำเจ้าพระยา ได้จัดกิจกรรมทำความสะอาดแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นประจำอยู่แล้ว และในโอกาสวันกองทัพเรือนี้ กิจกรรมกำจัดวัชพืชและทำความสะอาดเพื่อคืนความสดใสให้แม่น้ำเจ้าพระยา จึงถูกบรรจุเป็นกิจกรรมที่กองทัพเรือจะระดมสรรพกำลังดำเนินการอย่างเต็มที่ ซึ่งนอกจากการทำความสะอาดแม่น้ำเจ้าพระยาแล้วยังจะจัดให้มีการรณรงค์ให้ประชาชนคนไทยทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ริมน้ำเจ้าพระยาเห็นความสำคัญและร่วมมือกันในการรักษาความสะอาดแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย
และในวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ ยังมีกิจกรรมบริจาคโลหิต ณ ห้องอรุณอมรินทร์ หอประชุมกองทัพเรือ โดยถือว่าการให้โลหิตเป็นการให้ชีวิตช่วยเหลือผู้เจ็บป่วย ซึ่งกิจกรรมนี้จะมีกำลังพลของกองทัพเรือเข้าร่วมเป็นจำนวนมากทุกครั้ง ส่วนในวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ มีกิจกรรมปล่อยปลาคืนสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ณ บริเวณท่าเทียบเรือ กองบัญชาการกองทัพเรือ เพื่อคืนชีวิตสู่แม่น้ำเจ้าพระยา
๑๐๑ ปี ที่กองทัพเรือ ยึดปณิธานแน่วแน่ในการปฏิบัติหน้าที่ธำรงรักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ การปกป้องคุ้มครองอธิปไตยและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล การพัฒนาประเทศ และการช่วยเหลือประชาชน ในวันกองทัพเรือที่จะถึงนี้นอกจากกิจกรรมดังกล่าวข้างต้นแล้ว ทุกหน่วยของกองทัพเรือในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ยังได้จัดกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบอย่างพร้อมเพรียงกัน
------------------------------------
ผลิตโดย กองปกิบัติการจิตวิทยา กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ
ตีพิมพ์ในเดลินิวส์ ประจำวันเสาร์ที่ ๑๗ พ.ย.๕๐ ย่อยข่าว